หมอสุภัทรชี้ 2 สาเหตุคนไทยไม่กล้าฉีดวัคซีนโควิด

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ จ.สงขลา ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่กล้าฉีดวัคซีน เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะครับ

ตัวเลขจำนวนผู้สมัครใจลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่าน “หมอพร้อม” ของอำเภอจะนะ มีจำนวนน้อยมาก เชื่อว่าทุกอำเภอมีลักษณะคล้ายกัน มาดูตัวเลขของอำเภอจะนะกัน

โรงพยาบาลจะนะ เปิดรับฉีดวัคซีนวันละ 360 ราย ปรากฏว่าตั้งแต่เปิดระบบมา มีผู้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมเพียง 232 ราย ซึ่งน้อยมากๆ
อสม.และเจ้าหน้าที่ รพ.สต.ได้เดินลงทะเบียนด้วยระบบ manual คือใช้กระดาษลงชื่อแล้ว มีการลงชื่อเพิ่มอีกราว 1,000 ราย แต่สำหรับอำเภอจะนะที่มีประชากร 100,000 คน มีผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรังกว่า 20,000 คน ถือว่าน้อยมากๆ ทั้งนี้เพราะส่วนใหญ่ กลัวมากต่อผลข้างเคียงของวัคซีน

อย่าว่าแต่ชาวบ้านเลย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังกลัวๆ ทั้งนี้ผมเชื่อว่าความกลัววัคซีนของคนไทยนั้น เกิดจากเหตุ 2 ประการ

1. เป็นเพราะในช่วงที่เราขาดแคลนวัคซีน วัคซีนมาช้า รัฐบาลปล่อยให้มีการปล่อยข่าวผลข้างเคียงของวัคซีนมากเกินกว่าความจริง โดยไม่มีการแก้ข่าวชี้แจง ข่าวอันน่ากลัวของวัคซีนส่งกันไปทั่ว เหมือนกับว่าเพื่อลดความต้องการการฉีดวัคซีนในน้อยลง รัฐบาลจะได้ไม่ถูกต่อว่านินทามากเกินไปในช่วงไม่มีวัคซีน เมื่อมีการตอกย้ำผลลบของวัคซีนต่อเนื่อง จนฝังเข้าไปเป็นความเชื่อของผู้คน จึงยากที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาสมัครใจฉีดวัคซีนกันในปัจจุบัน

2. ข่าวการเข้ามาของวัคซีนหลายยี่ห้อก็มีส่วนมากในการชะลอการลงทะเบียนฉีด เพราะส่วนหนึ่งผู้คนโดยเฉพาะในเขตเมืองอยากมีการเลือกยี่ห้อ จึงขอรอดูก่อน แน่นอนว่าวัคซีนแต่ละตัวมีข้อดีข้อเสียต่างกัน รัฐบาลจึงควรประกาศให้ชัดเจนว่า วัคซีนที่ได้มานั้น กลุ่มไหนจะได้รับยี่ห้อไหน อาทิ กลุ่ม 12-18 ปีจะได้รับวัคซีนpfizer กลุ่มอายุมากหน่อยเช่นมากกว่า 50 ปีและกลุ่มโรคเรื้อรังจะได้รับวัคซีนastra และกลุ่มคนทั่วไปที่ไม่ใช่สองกลุ่มนั้นจะได้รับวัคซีนsinovac เป็นต้น ความชัดเจนไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะทำให้คนเลิกรอ ตัดสินใจสมัครลงทะเบียนมากขึ้น

การแก้ปัญหาผู้คนไม่กล้าฉีดวัคซีน เป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาลครับ แต่ยังไม่เห็นการจัดการอย่างเป็นระบบ เรื่องนี้โรงพยาบาลต่างๆทำเต็มที่ แต่นี่ไม่ใช่ภารกิจของโรงพยาบาลแต่ละแห่งเท่านั้น มิเช่นนั้น การฉีดวัคซีนของประเทศไทยก็จะล่าช้าอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

ที่มา : https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2714364

ปรึกษาปัญหาผู้บริโภค