สภาองค์กรของผู้บริโภค สร้างผลงานเกินคุ้ม เสนอของบเพียง 5 บาทต่อหัวประชากร

สภาองค์กรของผู้บริโภค เข้าชี้แจงผลดำเนินงานช่วยเหลือผู้บริโภคทั่วประเทศ ต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สร้างผลงานเกินคุ้ม พร้อมเสนอรัฐควรเพิ่มงบสนับสนุนคุ้มครองผู้บริโภคเป็นรายปี ทุกปี ตามที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ. อย่างน้อย 5 บาท ต่อคน ต่อปี

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค ได้เข้าชี้แจงผลการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคในปีงบประมาณ 2564 ของสภาองค์กรของผู้บริโภค ต่อสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกล่าวถึงภาพรวมการทำงานของสภาองค์กรของผู้บริโภคในปัจจุบันว่ามีองค์กรสมาชิก 279 องค์กร และมีหน่วยงานประจำจังหวัด 14 จังหวัดทั่วประเทศ โดยในช่วง 1 ปีกับอีก 4 เดือนที่ดำเนินงานมา สภาองค์กรของผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนกว่า 16,000 เรื่อง และสามารถแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคคิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 300 ล้านบาท

นอกจากการให้ความช่วยเหลือประชาชน ผ่านการทำงานรับเรื่องร้องเรียน ไกล่เกลี่ยและการดำเนินคดีแล้ว สภาองค์กรของผู้บริโภคยังได้ผลิตข่าว อินโฟกราฟิก และสื่อในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้และเตือนภัยผู้บริโภค โดยมียอดเข้าถึงในช่องทางต่าง ๆ รวมมากว่า 10 ล้านครั้ง

เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวอีกว่า ยังมีอีกหลายปัญหาที่สภาฯ มีเป้าหมายจะดำเนินการให้แล้วเสร็จ เช่น ปัญหาเรื่องถุงลมนิรภัยไม่ได้มาตรฐาน ที่ได้ทำความร่วมมือกับกรมการขนส่งและสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เพื่อแจ้งให้ผู้บริโภคทราบและนำรถเข้ารับเปลี่ยนถุงลมนิรภัยเพื่อความปลอดภัย แต่ปัจจุบันยังเหลือรถยนต์อีกกว่า 600,000 คันที่ยังไม่ได้เปลี่ยนถุงลมนิรภัย เป็นต้น และเชื่อว่ายังมีปัญหาผู้บริโภคจำนวนมากที่ต้องได้รับการแก้ไข

สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คือ สภาองค์กรของผู้บริโภคไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี 2565 จึงต้องชะลอการทำกิจกรรมตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และปัจจุบันกำลังรอการอนุมัติงบกลางจากรัฐบาล ดังนั้น จึงมีข้อเสนอแนะผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปถึงรัฐบาล ขอให้สนับสนุนงบประมาณเป็นรายปี ทุกปี ตามที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ.2562

โดยหากเป็นไปได้อยากให้สนับสนุนงบอย่างน้อย 5 บาท ต่อคน ต่อปี ได้ยกตัวอย่างการสนับสนุนงานคุ้มครองครองผู้บริโภคในประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศสิงคโปร์ ที่สนับสนุนงบประมาณ 1 ดอลลาร์ (26.62 บาท) ต่อคน ต่อปี หรือในประเทศฮ่องกง รัฐบาลสนับสนุนงบ 500 ล้านบาทต่อปี เพื่อใช้ในงานคุ้มครองผู้บริโภค

ทั้งนี้ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากพรรคต่าง ๆ ร่วมอภิปรายรายงานประจำปีและผลการดำเนินงานของสภาองค์กรของผู้บริโภค โดยภาพรวมของการอภิปราย มีทั้งคำชมเชยและข้อแนะนำต่อรายงานประจำปี รวมถึงการทำงานของสภาองค์กรของผู้บริโภค สำหรับประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคนั้น มีเสียงชื่นชมการทำหน้าที่ของสภาองค์กรของผู้บริโภคในการเรียกร้อง คุ้มครองผู้บริโภค และขับเคลื่อนประเด็นเชิงนโยบายต่าง ๆ เช่น การยื่นข้อเสนอต่อรัฐเรื่องค่าไฟแพง  คัดค้านการควบรวมทรู – ดีแทค รวมไปถึงการขับเคลื่อนเรื่องรถไฟฟ้าที่เป็นธรรม

อย่างไรก็ตาม ยังมีเสียงสะท้อนเกี่ยวกับเรื่องความครอบคลุมในการดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากกรุงเทพฯ มหานคร รวมไปถึงเรื่องการทำงานเกี่ยวกับปัญหาผู้บริโภคที่ต้องทำอย่างเข้มข้นมากขึ้น โดยยกตัวอย่างเรื่องราคาสินค้าแพง และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน

ดังนั้น จึงมีข้อเสนอแนะให้สภาองค์กรของผู้บริโภค สนับสนุนให้เกิดหน่วยประจำจังหวัด องค์กรสมาชิก และภาคีเครือข่ายที่ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด หรืออาจครอบคลุมไปถึงระดับอำเภอ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงหน่วยงานของสภาฯ ที่ให้บริการด้านการคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

ทั้งยังมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาผู้บริโภคในด้านต่าง ๆ ที่อยากให้สภาองค์กรของผู้บริโภคเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไข หรือหากดำเนินการอยู่แล้วก็คาดหวังให้ดำเนินงานอย่างเข้มข้นขึ้น เช่น เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัญหาสินค้าและบริการขนส่งสาธารณะที่มีราคาแพง หรือแม้แต่เรื่องการเรียกร้องให้ยกเลิกการใส่ชุดนักเรียน เพื่อลดภาระของผู้ปกครอง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังฝากประเด็นเรื่องการประชาสัมพันธ์องค์กรให้เป็นที่รู้จัก เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ว่าหากมีปัญหาจะต้องติดต่อหน่วยงานใด

ส่วนปัญหาที่สภาองค์กรของผู้บริโภคยังไม่ได้รับงบประมาณในการดำเนินงานในปี 2565 จากรัฐบาลนั้น สมาชิกสภาผู้แทนรราษฎร์เร่งรัฐบาลให้รีบจัดสรรงบประมาณให้เพื่อประสิทธิภาพในการคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งนี้ โดยภาพรวม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแสดงความพึงพอใจในผลงานของสภาองค์กรของผู้บริโภค และได้รับทราบผลการดำเนินงานสภาฯ ปี 2564 เป็นที่เรียบร้อย

 

ปรึกษาปัญหาผู้บริโภค