สภาองค์กรของผู้บริโภค ยื่นหนังสือ รมว.พลังงาน ทบทวนการปรับขึ้นค่า Ft

สภาองค์กรของผู้บริโภค ยื่นหนังสือถึง รมว. พลังงาน ระงับและพิจารณาทบทวนการปรับขึ้นค่า Ft และส่งเสริมให้ประชาชนติดโซลาร์เซลล์ เพื่อเป็นการสนับสนุนการพึ่งตนเองด้านพลังงานไฟฟ้า

จากการที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้มีมติเห็นชอบปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) สำหรับเรียกเก็บในงวดเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม 2565 ที่อัตรา 24.77 สตางค์ต่อหน่วย จากปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย ทั้งนี้ เมื่อนำค่า Ft ที่ปรับเพิ่มขึ้นไปรวมกับค่าไฟฟ้าฐานขายปลีกที่ 3.76 บาทต่อหน่วย จะทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าโดยรวมมากถึง 4 บาทต่อหน่วยนั้น

เมื่อ 21 มี.ค.65 นางสาวรสนา โตสิตระกูล อนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงานและสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภค, นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค พร้อมกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก ได้เดินทางไปยังกระทรวงพลังงาน เพื่อยื่นข้อเสนอต่อ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ระงับและพิจารณาทบทวนการปรับขึ้นค่า Ft รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนติดโซลาร์เซลล์เพื่อเป็นการสนับสนุนการพึ่งตนเองด้านพลังงานไฟฟ้า ชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ และดำเนินนโยบายด้านพลังงานอย่างมีธรรมาภิบาล

โดยสภาองค์กรของผู้บริโภค มีข้อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  4 ข้อ ดังนี้

1. ขอให้ยับยั้งและทบทวนการคิดค่า Ft ใหม่โดยด่วน โดยให้ดำเนินดังนี้

1.1 ลดการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็กที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งทำให้มีค่าซื้อไฟฟ้าสูงถึง 4.00 บาทต่อหน่วย ให้มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าเท่ากับโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลงได้ประมาณ 8,860 ล้านบาทต่อปี

1.2 ปรับลดเงินประกันกำไรของโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็กที่ใช้ก๊าซธรรมชาติให้อยู่ที่ร้อยละ 1.75 ซึ่งใกล้เคียงกับเงินประกำไรของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่

1.3 ควรมีการกำหนดเพดานราคาก๊าซธรรมชาติในสูตรการคำนวณค่าผ่านท่อไว้ที่ 200 บาทต่อล้านบีทียู และกำหนดและค่าประสิทธิภาพที่ร้อยละ 2 ต่อปี เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าได้ถึง 587 ล้านบาทต่อปี

1.4 ให้ปรับโครงสร้าง ราคา Pool Gas ใหม่ โดยนำปริมาณก๊าซธรรมชาติที่เข้าสู่โรงแยกก๊าซธรรมชาติและถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมารวมอยู่ในราคา Pool Gas ด้วย ซึ่งจะช่วยทำให้ราคา Pool Gas ลดลง และคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 40,000 ล้านบาทต่อปี

2. ขอให้สนับสนุนการพึ่งตนเองด้านพลังงานไฟฟ้าของประชาชนอย่างเต็มที่ ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าด้วยระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาตามโครงการโซลาร์ภาคประชาชนให้เพิ่มขึ้น เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยขอให้ดำเนินการดังนี้

2.1 จากเดิมกำหนดราคารับซื้อไว้ที่ 2.20 บาท / หน่วย ให้เปลี่ยนเป็นระบบเน็ตมิเตอริ่ง หรือระบบการคิดค่าไฟฟ้าแบบหักลบกลบหน่วย เพื่อไม่ให้การไฟฟ้าต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือเป็นภาระในการเปลี่ยนหรือเพิ่มมิเตอร์ไฟฟ้า

2.2 ให้ขยายระยะเวลาการับซื้อไฟฟ้าของโซลาร์ภาคประชาชน จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 10 ปี เป็น 20 – 25 ปี หรือตามอายุการใช้งานของแผงโซลาร์เซลล์

2.3 ให้จัดหาแหล่งทุนกู้ยืมดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ได้อย่างแท้จริง

3. ขอให้ชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ออกไป และการดำเนินการเพื่อการได้มาซึ่งพลังงานไฟฟ้าทั้งในและนอกประเทศจะต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และผลกระทบต่อชุมชนใกล้เคียงด้วย

4. การดำเนินนโยบายด้านพลังงานและการกำกับกิจการพลังงานของประเทศ ขอให้ตระหนักถึงความมีธรรมาภิบาลอย่างสูงสุด และต้องไม่ให้มีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง

อ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่ : https://bit.ly/3wmFwIH

ที่มา: สภาองค์กรของผู้บริโภค

 

ปรึกษาปัญหาผู้บริโภค