เสนอรัฐออกมาตรการเยียวยาผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบถูกอายัดบัญชี

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เสนอรัฐออกมาตรการเยียวยาผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบถูกอายัดบัญชี ชี้เหตุบัญชีเงินฝากบุคคลถูกหว่านอายัดจากเหตุที่รัฐจัดการบัญชีม้าแต่กลับไม่มีระบบการชี้แจงตั้งแต่ตอนเปิดบัญชี อีกทั้งไม่มีช่องทางและระยะเวลาให้ผู้เข้าข่ายถูกได้ชี้แจงก่อน แถมกระบวนการยืนยันตัวตนถูกสร้างภาระต้องเดินทางไปท้องที่ซึ่งถูกแจ้งความ

วันนี้ ( 16 กันยายน 68 ) นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค ชี้ว่า บัญชีม้าส่วนใหญ่เป็นบัญชีบุคคล การที่บัญชีเงินฝากของผู้ถูกอายัดเนื่องจากตำรวจไซเบอร์แกะรอยตามเส้นทางเงินเนื่องจากมีการแจ้งความ ถึงแม้บัญชีเงินฝากบุคคลถูกอายัดเพราะมีเส้นเงินที่บัญชีม้าโอนเข้ามา แต่ปัญหานี้เกิดเพราะไม่มีระบบการแจ้งวัตถุประสงค์ยืนยันการทำธุรกรรมแต่ละบัญชีเป็นการเฉพาะ ตั้งแต่ต้นจึงทำให้เกิดการหว่านแห เพราะบางคนมีถึง3บัญชีออมทรัพย์ของแบงก์เดียวกัน แต่ละบัญชีมีวัตถุประสงค์การใช้ต่างกัน เช่น บัญชี เงินออม บัญชีเงินเดือนค่าใช้จ่าย และบัญชีเพื่อใช้รับเงินค่าสินค้า เป็นต้น ดังนั้นจึงขอเสนอธนาคารแห่งประเทศไทย ออกกฏเกณฑ์ที่เข้มข้นในกระบวนการเปิดบัญชีเงินฝากตั้งแต่ต้นทาง โดยกำหนดให้บุคคลทุกรายต้องแจ้งจุดประสงค์การทำธุรกรรมแต่ละบัญชีอย่างชัดเจน เช่น บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ใช้โอนเงินเข้าออกรายวันเป็นปกติ ,รับเงินเดือน , หักค่าน้ำไฟ ระบบสาธารณูปโภค หรือบัญชีเงินฝากที่ทำธุรกรรมเฉพาะการค้าขายหน้าร้านหรือออนไลน์ เมื่อทำได้แบบนี้จะเห็นเส้นเงินที่ผิดปกติของบัญชีม้า ซึ่งพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 กำหนดให้ธนาคารมีอำนาจอายัดบัญชี หรือระงับวงเงิน ได้ทันทีหากมีผู้เสียหายโทร แจ้งว่า โดนหลอกโอนเงิน ธนาคารมีอำนาจอายัดไว้แค่ 72 ชั่วโมง และผู้เสียหายต้องแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์เพื่อส่งหมาย่ให้ธนาคารอายัดบัญชีต่อ

ส่วนการอายัดบัญชีในส่วนของตำรวจไซเบอร์ที่รับช่วงต่อจากแบงก์ที่ส่งหลักฐานมาให้ ต้องมีกระบวนการให้ผู้ถูกอายัดสามารถชี้แจง หรือยืนยันตัวตนอย่างโดยสะดวก-รวดเร็ว และไม่เป็นภาระ แต่ปัญหาหลักที่เกิดขึ้นเวลานี้ กลับเป็นภาระของคนที่ต้องไปยืนยันตัวตน เช่น หากบัญชีเกิดปัญหาในจังหวัดที่มีผู้แจ้งความทางภาคเหนือ ทำให้เจ้าของบัญชีที่อยู่ภาคใต้ต้องเดินทางไปยังจังหวัดนั้นๆ เพื่อยืนยันตัวตนกับตำรวจท้องที่ จุดนี้คือปัญหา ดังนั้น ต้องเปิดช่องทางให้เจ้าของบัญชีเงินฝากสามารถยืนยันตัวตนได้สะดวก ส่วนบัญชีที่ผ่านกระบวนการพิสูจน์เป็นบัญชีม้าต้องถูกอายัด ตำรวจไซเบอร์และแบงก์ชาติ ควรหามาตรการเป็นกรอบให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เดินหน้าไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้บริสุทธิ์

นางนฤมล บอกว่า สิ่งที่รัฐไม่ได้ดำเนินการคือการไม่ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ หรือ การหรือแจ้งให้เจ้าของบัญชีที่ไม่ได้ถูกแจ้งความแต่อยู่ในเส้นทางบัญชีม้าโอนเงินมา มีระยะเวลาไปชี้แจงเรื่องการใช้บัญชีของแต่ละคนก่อน ปัญหาเวลาที่ถูกอายัดบัญชีเงินฝากนั่นคือ ผู้ค้ารายเล็กที่เปิดบัญชีส่วนตัวไว้ค้าขาย และมีบัญชีม้าที่ถูกแจ้งความ โอนเงินค่าสินค้าเข้ามาในบัญชี ประเด็นที่พูดถึงตอนนี้คือเมื่อผู้เดือดร้อนติดต่อไปที่ตำรวจหรือธนาคาร เกิดการโยนกันไปมา ดังนั้น เมื่อมีการแจ้งอายัดทางตำรวจไซเบอร์ต้องถามกลับมาที่แบงก์ก่อน เมื่อแบงก์และตำรวจไซเบอร์เห็นเส้นทางการเงินในบัญชีเงินฝากที่ถูกรับโอนจากบัญชีม้า ก่อนอายัดบัญชีต้องแจ้งเจ้าของบัญชีให้มายืนยันตัวตนแสดงความบริสุทธิ์เสียก่อน ไม่ใช่หว่านอายัดโดยที่เจ้าของบัญชีไม่รู้ตัว

ส่วนประเด็นที่โซเชียลพากันตั้งคำถามว่า ทำไมร้านค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่ระดับประเทศ อาจมีบัญชีม้าโอนเงินมาซื้อสินค้า ทำไมไม่ถูกอายัดบัญชี นางนฤมล บอกว่า กิจการเหล่านี้ได้จดทะเบียนเป็นบัญชีนิติบุคคล มีระบบการตรวจสอบที่ชัดเจน การฝาก-ถอนต้องใช้ขั้นตอนมาก ดังนั้น ถึงแม้จะมีบัญชีม้าโอนซื้อสินค้าจะโอนเข้าได้อย่างเดียวแต่โอนออกไม่ได้ บัญชีม้าจึงเลือกบัญชีบุคคลที่โอนเข้าออกสะดวกกว่า และนี่จึงอาจจะเป็นที่มาทำให้บัญชีเงินฝากบุคคลถูกกวาดอายัดจากหน่วยงานรัฐเพื่อตรวจสอบบัญชีม้า

สรุปข้อเสนอสำหรับรัฐ

1.เสนอธนาคารแห่งประเทศไทย อออกมาตรการให้มีการระบุวัตถุประสงค์ของการทำธุรกรรมแต่ละบัญชีให้ชัดเจน เพื่อให้ธนาคารตรวจสอบบัญชีที่มีการทำธุรกรรมผิดปกติ

2.เสนอให้ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) AOC 1441 มีช่องทางให้กับผู้ถูกอายัดสามารถชี้แจงและยืนยันตัวตนได้อย่างสะดวกรวดเร็วเพื่อลดภาระประชาชนที่สุจริต

3.เสนอให้หน่วยงานรัฐเร่ง แยกแยะบัญชี และใช้เวลารวดเร็วในการปลดล็อก

4.เสนอให้มีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากถูกอายัดบัญชี

ปรึกษาปัญหาผู้บริโภค