บอร์ด สปสช.มีฉันทามติให้แยกจัดสรรงบ “บัตรทอง” ปี 2566 โดยให้จัดสรรงบส่วนใหญ่ 1.37 แสนล้านบาท และชะลองบส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคบางส่วน วงเงิน 5.1 พันล้านบาท
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวถึง กรณียังไม่มีการลงนามในร่างหลักเกณฑ์การบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง” ปีงบประมาณ 2566
เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องงบส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค (PP) ที่ให้ครอบคลุมสิทธิสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคม อาจไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ทำให้ยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณลงไปยังหน่วยบริการ ว่า
วันนี้ที่ประชุม บอร์ด สปสช. มีความเห็นเป็นฉันทามติว่า เรามุ่งหวังให้ประชาชนทุกคน ทุกสิทธิ สามารถได้รับบริการสุขภาพที่จำเป็น โดยไม่มีอุปสรรคทางการเงิน และทุกฝ่ายจะดำเนินการร่วมกันให้บรรลุตามเป้าหมายนั้นโดยไม่ขัดกับกฎหมาย และเห็นด้วยที่ให้มีการทำความชัดเจนในประเด็นข้อกฎหมายว่า กองทุนหลักประกันสุขภาพฯ หรือ “บัตรทอง” ครอบคลุมประชากรในส่วนใดบ้าง ตามมาตรา 5, 9, 10 และ 66 โดยปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาและเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อลดผลกระทบหน่วยบริการ เนื่องจากยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณ บัตรทอง ปี 2566 นั้น บอร์ด สปสช. มีฉันทามติประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนบัตรทองปี 2566 ตามที่เลขาธิการ สปสช. เสนอจากการหารือกับกระทรวงสาธารณสุข
โดยในหลักการให้เร่งจัดสรรงบส่วนใหญ่ 1.37 แสนล้านบาทให้กับหน่วยบริการต่างๆ ก่อน เพื่อไม่ให้กระทบกับการดูแลประชาชน และชะลอการจัดสรรงบประมาณในส่วนงบส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคบางส่วน วงเงิน 5,146.05 ล้านบาท
ทั้งนี้ หน่วยบริการของกระทรวงสาธารณสุขจะจัดบริการให้ครอบคลุมประชาชนทุกคนที่อยู่ในความรับผิดชอบ และ สปสช.จะดำเนินการให้หน่วยบริการอื่นนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเช่นเดียวกัน เพื่อให้ไม่ให้มีช่องว่างในการบริการประชาชน