ระวังโปรลวง ชิ้นที่ 2 หนึ่งบาท สุดท้ายจ่ายแพงกว่าเดิม

สภาผู้บริโภคเตือน โปรโมชันลวง “ชิ้นที่ 2 หนึ่งบาท” แท้จริงแพงกว่าเดิม อย่าตกเป็นเหยื่อราคาลวง แนะเก็บหลักฐาน แจ้งร้องเรียน ป้องกันการถูกละเมิดสิทธิ

วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 โสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภคเปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังปัญหาผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ และพบว่าปัญหาผู้บริโภคซื้อสินค้าโปรโมชัน “ชิ้นที่ 2 ราคา 1 บาท” โดยเป็นการขึ้นราคาสินค้าสูงกว่าที่จำหน่ายตามท้องตลาด

กรณีตัวอย่างที่กำลังเป็นไวรัลในโซเชียล คือผลิตภัณฑ์มาสก์หน้า ที่โดยปกติขายในราคา 27 บาทต่อชิ้น รวม 54 บาทหากซื้อ 2 ชิ้น แต่พอมีโปร ชิ้นที่ 2 หนึ่งบาท ราคากลับกลายเป็น ชิ้นแรก 57 บาท + ชิ้นที่สอง 1 บาท รวมเป็น 58 บาท แพงขึ้น 4 บาท และมีผู้บริโภคจำนวนมากแสดงความไม่พอใจ พร้อมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของโปรโมชันลักษณะนี้ อาจเข้าข่ายจูงใจโดยไม่สุจริต หรือหลอกลวงด้วยการใช้เทคนิคปรับราคาให้ดูเหมือนลด ทั้งที่ไม่ได้ลดจริง

โสภณ กล่าวอีกว่า เหตุการณที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับ ประกาศของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เรื่องแนวทางการโฆษณาลดราคาสินค้า หรือบริการ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ที่กำหนดให้ ราคาสินค้าหรือบริการที่แสดงต่อผู้บริโภค ควรเป็นราคาที่ปรับลดลงแล้วจากราคาขายปกติ ไม่ใช่ปรับราคาขายปกติให้สูงขึ้นแล้วนำมาโฆษณาว่าลดราคาสินค้าหรือ บริการ แต่เหตุการณ์ลักษณะนี้ยังเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ทั้งการขายสินค้าหน้าร้านและบนออนไลน์

นอกจากนี้ ยังมีให้ระบุหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข หรือข้อกำหนดในการลดราคา วัน เดือน ปี ที่เริ่มต้นและสิ้นสุดของการจัดให้มีการลดราคา พร้อมระบุจำนวนสินค้าหรือบริการที่มีการลดราคาให้ชัดเจน ถ้าในกรณีมีเงื่อนไขอื่น เช่น ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าติดตั้ง และค่าขนส่งสินค้าควรแสดงให้ครบถ้วนชัดเจน และในกรณีที่สินค้าหรือบริการที่นำมาลดราคาหมดลงก่อนครบกำหนดระยะเวลาผู้ประกอบการควรแจ้งให้ผู้บริโภคทราบทันที

สำหรับกรณีมีของแถมจะต้องแจ้งเงื่อนไขในการได้รับของแถมให้ชัดเจนรวมถึงราคาและระยะเวลาในการรับของแถมนั้นด้วย และไม่ควรใช้ข้อความว่าผู้ประกอบธุรกิจขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงรายละเอียดของการลดราคาสินค้าหรือบริการ เนื่องจากถือได้ว่าเป็นการใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค

โสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้บริโภคจึงควรตรวจสอบราคาสินค้าให้ละเอียด เปรียบเทียบราคาก่อน – หลังจัดโปรโมชัน รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ และหากพบพฤติกรรมเอาเปรียบ สามารถรวบรวมหลักฐานแล้วแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สคบ. หรือกรมการค้าภายใน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

“เวลาจะซื้อของจัดโปร ผู้บริโภคต้องใจเย็น อย่ารีบตัดสินใจเพราะเห็นว่าเป็นสินค้าโปรโมชัน ขอให้เทียบราคาจากที่อื่นก่อน เพราะบางร้านอาจบวกราคาเต็มของชิ้นที่สอง ถ้ายังถูกกว่าที่อื่นค่อยตัดสินใจซื้อ แต่ถ้าราคาสูงเกิน ก็ไม่ควรเลือกซื้อ และควรแจ้งร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภค” โสภณกล่าวเสริม

หากผู้บริโภคท่านใดพบเจอเหตุการณ์ดังกล่าว หรือได้รับความเสียหายจากการซื้อสินค้า สามารถร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภค โดยมีหลักฐานประกอบ ได้แก่ ภาพสินค้า สลิปโอนเงิน (กรณีเป็นการโอนจ่าย) หรือใบเสร็จ ร้องเรียนมาได้ที่เบอร์สายด่วน 1502 หรือร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tcc.or.th

ปรึกษาปัญหาผู้บริโภค