เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่อยู่ในฐานะผู้บริโภคพยายามที่จะให้ความสำคัญกับการสรรหา “สินค้ารักษ์โลก” ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาหารออร์แกนิก หรือบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ แต่ปัญหาสำคัญคือ เราพบว่า ทำไมราคาสินค้าเหล่านี้ถึงสูงกว่าสินค้าทั่วไป?
.
จากข้อมูลพบว่าสินค้ารักษ์โลกมักมีราคาสูงขึ้นกว่าราคาสินค้าปกติถึง 20 – 50% หรือมากกว่านั้น เช่น อาหารคลีน อาหารวีแกน (Vegan) หรือเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล ทำให้หลายคนที่อยากเปลี่ยนพฤติกรรมกลับต้องชั่งใจ เพราะค่าครองชีพที่สูงขึ้นกลับกลายเป็นอุปสรรคต่อการเลือกสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
.
คำถาม คือ แล้วผู้บริโภคอย่างเราจะทำให้การรักษ์โลกเป็นเรื่องของทุกคนได้อย่างไร ในเมื่อการบริโภคอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แต่ราคาสินค้ากลายเป็นอุปสรรค …
. “การเดินทาง” ตัวอย่างที่พิสูจน์ว่าเมื่อราคาเข้าถึงได้ คนก็พร้อมเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งการใช้ขนส่งสาธารณะเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดมลภาวะ ลดปัญหาฝุ่น PM2.5 และลดการใช้พลังงาน แต่ก่อนหน้านี้ค่าโดยสารที่แพงเป็นอุปสรรคต่อผู้บริโภคเช่นเดียวกัน
.
สภาผู้บริโภคจึงผลักดันนโยบายให้ขนส่งสาธารณะไม่ควรเกิน 10% ของรายได้ขั้นต่ำต่อวันมาอย่างยาวนาน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งที่สะดวกและยั่งยืน และไม่ในที่สุดนี้รัฐบาลได้นำไปแนวคิดเหล่านี้ผลักดันจนเกิดนโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ในสายสีแดงและสีม่วง ทำให้ผู้คนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ซึ่งช่วยลดการปล่อยมลพิษและส่งเสริมพฤติกรรมการเดินทางที่ยั่งยืน
. ถ้ารัฐบาลสามารถทำให้ขนส่งสาธารณะเข้าถึงได้ ทำไมสินค้ารักษ์โลกจะเป็นเรื่องของทุกคนไม่ได้? หากเราสามารถผลักดันให้ค่ารถไฟฟ้าถูกลงเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ เราก็ควรผลักดันให้สินค้ารักษ์โลกมีราคาที่ยุติธรรมและเข้าถึงได้ เช่น การลดภาษีสินค้ารักษ์โลก เพื่อให้ราคาสินค้าที่ยั่งยืนลดลง การสนับสนุนผู้ผลิตสีเขียว เพื่อให้ผู้ผลิตรายย่อยแข่งขันได้ หรือมีการควบคุมราคาสินค้าที่ยั่งยืน เพื่อให้การรักษ์โลกเป็นมาตรฐาน คนทุกกลุ่มเข้าถึงได้
.
มองไปที่ต่างประเทศ ภาครัฐบาลสนับสนุนการรักษ์โลกอย่างไร? ในสหภาพยุโรป มีมาตรการ ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับสินค้ารักษ์โลก เพื่อให้ราคาถูกลง และออกกฎหมายบังคับให้บริษัทต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ให้รีไซเคิลได้ง่ายขึ้น ขณะที่ เยอรมนี สนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดผ่านโครงการเงินอุดหนุนให้ผู้ผลิตที่ใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น โรงงานผลิตเสื้อผ้าที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือวัสดุรีไซเคิล ส่วน ฝรั่งเศส มีมาตรการบังคับให้ซูเปอร์มาร์เก็ตต้องมีโซนจำหน่ายสินค้ารีไซเคิล และให้เงินสนับสนุนผู้บริโภคที่เลือกซื้อสินค้ารักษ์โลก เช่น การให้ส่วนลดเมื่อซื้อสินค้าผลิตซ้ำหรือใช้บรรจุภัณฑ์แบบรีฟิล
. แนวทางเหล่านี้ช่วยให้สินค้ารักษ์โลกเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและกลายเป็น “ตัวเลือกหลัก” ของผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ตัวเลือกของคนที่มีกำลังซื้อสูงเท่านั้น และไม่ทำให้การรักษ์โลกกลายเป็นภาระของผู้บริโภคเพียงฝ่ายเดียว
. แล้วคุณล่ะ คิดว่าควรมีมาตรการอะไรเพื่อให้สินค้ารักษ์โลกเข้าถึงได้มากกว่านี้? มาร่วมแลกเปลี่ยนใต้โพสต์นี้กัน
.
#สภาผู้บริโภค #เพื่อนผู้บริโภค
#บริโภคยั่งยืน #สิทธิผู้บริโภคสากล #รักษ์โลกต้องเข้าถึงได้ #ราคาสินค้าที่ยุติธรรม
#วันสิทธิผู้บริโภคสากล2568 #WCRD2025
Related Posts
‘ตั๋วร่วม’ พลิกโฉมระบบขนส่งไทย
การมี “ตั๋วร่วม” จะช่วยให้เราเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะทุก […]
muttmai
11 มีนาคม 2025ยื่นรัฐสภาตรวจสอบ ‘ประมูลคลื่นความถี่’ หวั่นผูกขาด-กระทบผู้บริโภค
ยื่น กมธ. พัฒนาเศรษฐกิจตรวจสอบการประมูลคลื่นความถี่ กัง […]
muttmai
11 มีนาคม 2025ไร้กฎเกณฑ์-แล้วแต่จะตั้งราคา!! เจาะปัญหาเรื้อรัง “บัตรคอนเสิร์ตแพง” เอาเปรียบผู้บริโภค?
เริ่มต้น 2,900 แต่มีที่น้อยเหลือเกินเหมือน “บังคับให้ซื […]