ปคบ.จับมือ อย.บุกยึดยาเถื่อน-อาหารเสริม คาคลินิกหรูใจกลางกรุง เปิดบริการลูกค้า ยึดของกลาง มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท แจ้งข้อหาหนัก ขยายผลส่งตรวจหาส่วนประกอบ หากพบสารอันตราย แจ้งข้อหาเพิ่ม
เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ปคบ. นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการ อย. นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงผลการตรวจค้นคลินิกสหเวชหรู พร้อมตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้อง 252 รายการ มูลค่ากว่า 5,977,000 บาท
การตรวจค้นดังกล่าว เนื่องจากชุดสืบสวน กก.4 บก.ปคบ.ได้รับร้องเรียนจาก อย.ให้ตรวจสอบคลินิกชื่อดัง ภายในอาคารเกษรทาวเวอร์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.ที่เปิดให้บริการทางเวชกรรม กายภาพบำบัด แพทย์แผนไทยประยุกต์ และการพยาบาล ในลักษณะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพ และมุ่งเน้นให้บริการชาวต่างชาติ โดยขายคอร์สต่อเนื่องในราคาสูง 1,000-2,000,000 บาท ซึ่งคลินิกดังกล่าวมียานำเข้า และยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีทั้งกลุ่มยาฉีด ยารับประทาน อาหารเสริมที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน และมีการผสมยาอันตรายในอาหารเสริม แล้วเสนอโปรแกรมการรักษารูปแบบต่างๆ เช่น การดีท็อกซ์สารพิษ การชะลอวัยด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และการฉีดวิตามินเพื่อบำรุงสำหรับตับและสมอง เพิ่มพลังงานให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและมีสมาธิ ฯลฯ
จากการตรวจสอบพบว่าคลินิกดังกล่าวเปิดให้บริการจริง และมีชาวต่างชาติ เข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา กำลังตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.ร่วมกับ อย.นำหมายศาลแขวงปทุมวัน เข้าตรวจค้นคลินิกแห่งนี้ ตรวจยึดของกลาง เป็นยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 จำนวน 144 รายการ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 จำนวน 108 รายการ รวมตรวจยึดของกลาง 252 รายการ มูลค่าของกลาง 5,977,000 บาท ซึ่งคลินิกดังกล่าว เน้นรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ โดยจะให้ผู้เข้ารับบริการตรวจเลือดก่อน จากนั้นจะนำเลือดไปตรวจวิเคราะห์ แล้วเสนอขายคอร์ส หรือขายยาให้ลูกค้า โดยอ้างว่าไม่มีขายที่อื่น มีเฉพาะที่คลินิกนี้เท่านั้น เป็นทั้งยานำเข้าและยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ทั้งกลุ่มยาฉีดและยารับประทาน และมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.ได้ออกหมายเรียกกรรมการบริษัทฯ เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหา เบื้องต้นเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ประกอบด้วย 1.ขายยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ฐานจำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท ส่วนแพทย์ที่มีชื่อเป็นผู้ดำเนินการในคลินิก มีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานไม่จัดให้มีเครื่องมือ เครื่องใช้ ยา และเวชภัณฑ์ที่จำเป็นประจำสถานพยาบาลฯ ตามชนิดที่กำหนดในกฎกระทรวง มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่ยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ตรวจยึดได้ จะนำส่งไปตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หากพบว่ามีการผสมยาอันตราย จะมีความผิดฐานจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ ตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภก.วีระชัย กล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นพบว่าเป็นคลินิกที่ได้รับอนุญาต แต่ยาที่ใช้ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ ทั้งรูปแบบยาฉีด และยารับประทาน นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ไม่มีเลขสารบบอาหาร ส่วนกรณีการเตรียมยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายนั้น เป็นการเตรียมตามใบสั่งแพทย์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาตามอาการของคนไข้แต่ละราย และไม่ควรมีการเตรียมยารอไว้เป็นจำนวนมาก
ด้าน พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า ขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่าควรศึกษาข้อมูลคลินิกแพทย์ ยาที่ใช้ รวมถึงขั้นตอนการรักษาให้ดีก่อนที่จะเข้ารับบริการ เนื่องจากการรักษามีทั้งการฉีดยาและการรับประทานยาที่อาจไม่ได้มาตรฐาน หรือมีขั้นตอนและวิธีการรักษาที่ต้องใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือบางกระบวนการรักษา อาจยังไม่ได้รับการรับรองจากแพทยสภา ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบ หรือเกิดความเสียหายกับร่างกายโดยตรง อาจทำให้สูญเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ และขอแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ให้หยุดการกระทำ เพราะเจ้าหน้าที่จะดำเนินการกวดขันและจับกุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด โดยพี่น้องประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วน บก.ปคบ.1135