ของขวัญปีใหม่จากสภาผู้บริโภค เปิดเลขสี่หลัก ‘1502’ ม.ค.67 นี้

สภาผู้บริโภคประกาศ ในระหว่างการประชุมสภาผู้บริโภคสมัยสามัญ ถึงการเปิดสายด่วนผู้บริโภค 1502 ให้บริการในเดือนมกราคมปีหน้า พร้อมแจ้งผลแก้ไขปัญหาผู้บริโภคประจำปีสำเร็จกว่า 79% และเปิดเผยจำนวนองค์กรสมาชิกขยับเพิ่มเป็น 311 องค์กรแล้ว

 

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ได้มีการจัดประชุมสภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) (สมัยสามัญ) ครั้งที่ 2/2566 ผ่านระบบประชุมออนไลน์ โดยในการประชุมดังกล่าวมีองค์กรสมาชิกเข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 197 องค์กร จากสมาชิกทั้งหมด 311 องค์กร รวมถึงมีกรรมการนโยบายและคณะที่ปรึกษาของสภาผู้บริโภค และได้รับเกรียติจาก พิฆเนศ ต๊ะปวง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมด้วย

บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค ได้รายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคในปีงบประมาณ 2566 ของสภาผู้บริโภค (เดือนตุลาคม 2565 – เดือนกันยายน 2566) ที่สามารถคุ้มครองช่วยเหลือผู้บริโภคไปได้กว่า 12,837 เรื่อง หรือคิดเป็นร้อยละ 79 จาก 16,142 เรื่อง อีกทั้งยังได้เสนอแนะนโยบายหรือมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคต่อคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นการคุ้มครองผู้บริโภค 8 ด้าน โดยที่ข้อเสนอแนะนโยบายข้างต้นมีหน่วยงานนำไปปรับใช้เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จในการคุ้มครองผู้บริโภคของสภาผู้บริโภคในปีงบประมาณที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การประชุมสภาผู้บริโภค สมัยสามัญ ได้มีเรื่องแจ้งให้ทราบที่สำคัญ ได้แก่ เรื่องแจ้งเพื่อทราบเกี่ยวกับเป้าหมายและแผนการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีการจัดทำคู่มือปฏิบัติงานรับเรื่องร้องเรียนเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกับสมาชิกสภาผู้บริโภคและเพื่อส่งเสริมให้ผู้ที่ทำงานรับเรื่องร้องเรียนสามารถจัดการปัญหาข้อร้องเรียนและพิทักษ์สิทธิของสภาผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันการณ์ และได้มีการจัดทำตัวอย่างแบบฟอร์มรับเรื่องร้องเรียน หนังสือทวงถามหรือหนังสือบอกเลิกสัญญา ให้กับองค์กรสมาชิก เพื่อทำให้เกิดความสะดวกในการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการขับเคลื่อนประเด็นการคุ้มครองผู้บริโภค 8 ด้าน อาทิ การเสนอนโยบายรวมหนี้เป็นหนึ่งเดียวหรือไม่นำดอกเบี้ยมาเป็นเงินต้นเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การยกระดับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้เป็นมาตรฐานบังคับเพิ่มมากขึ้น การผลักดันราคาพลังงานให้มีความเป็นธรรมกับประชาชน หรือการรณรงค์ให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไม่อนุญาตให้เอไอเอส (AIS) และสามบีบี (3BB) ควบรวมกิจการอินเทอร์เน็ตบ้านเข้าด้วยกัน เนื่องจากเห็นว่าจะส่งผลกระทบกับผู้บริโภคที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและยังทำให้ทางเลือกในการใช้บริการลดลง

ในการประชุมสภาผู้บริโภคข้างต้น ได้มีการแจ้งเพื่อทราบถึงกำหนดการเปิดเบอร์โทรศัพท์ 4 หลัก ‘สภาผู้บริโภค 1502’ ในวันที่ 12 มกราคม 2567 ซึ่งได้รับเกียรติจากรองนายกรัฐมนตรี สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ดูแลงานคุ้มครองผู้บริโภคเป็นประธานในการเปิดเบอร์ 4 หลัก นอกจากนี้สภาผู้บริโภคยังได้ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ยกระดับการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ผ่านการเปิดตัวนโยบายบัตรทองในวันที่ 8 มกราคม 2567 ที่เริ่มนำร่องใน 4 จังหวัด ได้แก่ : แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด นราธิวาส โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้าไปใช้บริการได้ในทุกที่ เพื่อความสะดวก รวดเร็วได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 ได้กำหนดให้สภาผู้บริโภค ต้องจัดให้มีการประชุมองค์กรสมาชิกอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อรายงานผลการดำเนินงานของสภาผู้บริโภคและเพื่อให้สภาผู้บริโภคได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์แก่การคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงการนำมาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคของสภาผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปรึกษาปัญหาผู้บริโภค